เมื่อเราพูดถึง “บริบท” คำว่า “บริบทคือกุญแจสำคัญ” มักจะผุดขึ้นมาในใจ และไม่ใช่เรื่องเกินจริง การเข้าใจบริบทของสถานการณ์ใด ๆ สามารถเป็นตัวกำหนดได้ว่าการตัดสินใจจะออกมาอย่างไร และผลลัพธ์จะคุ้มค่าหรือไม่ในระยะยาว
ลองจินตนาการว่าคุณมีผู้ช่วยเสมือน (virtual assistant) ที่สามารถเข้าใจสิ่งที่คุณต้องการ เวลาไหนที่คุณต้องการ และเหตุผลที่คุณต้องการ โดยที่คุณไม่ต้องพูดอะไรเลย เพียงแค่สังเกตจากสิ่งที่คุณทำ ความสามารถในการรับรู้บริบทระดับนี้ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การมีผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจบริบทจึงสามารถเปลี่ยนโฉมการทำงานให้มีประสิทธิผลสูงได้จริง
บอททั่วไปกับผู้ช่วยอัจฉริยะ
การสื่อสารภายในองค์กรเริ่มจากเครื่องมือพื้นฐานที่ช่วยเชื่อมต่อทีมและเพื่อนร่วมงาน สิ่งที่เริ่มต้นจากวิธีแก้ปัญหาง่าย ๆ กลับกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนวิธีการทำงานขององค์กร การทำงานอัตโนมัติช่วยยกระดับการสื่อสารและประหยัดเวลา งานซ้ำซากสามารถจัดการผ่านเวิร์กโฟลว์และบอทที่ออกแบบมาเฉพาะ นำข้อมูลจากแอปภายนอกที่ใช้บ่อยเข้ามาในแอปการสื่อสารโดยตรง
อย่างไรก็ดี บอททั่วไปยังทำงานตามกฎหรือคำสั่งที่กำหนดไว้ล่วงหน้า จึงต้องมีการติดตามและปรับปรุงอย่างใกล้ชิด แต่ผู้ช่วยอัจฉริยะกลับให้ความยืดหยุ่นมากขึ้น ตั้งแต่การเข้าใจความชอบและพฤติกรรมของผู้ใช้ ไปจนถึงการรวบรวมข้อมูลบริบทสำคัญอื่น ๆ เพื่อให้บริการที่แม่นยำและตรงจุด
ใช้ประโยชน์สูงสุดจากผู้ช่วยอัจฉริยะ
แม้ AI จะช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น เร็วขึ้น และแม่นยำมากขึ้น แต่การใช้งานมากเกินไปอาจทำให้ความคิดสร้างสรรค์ซบเซาได้ อย่างไรก็ตาม หากใช้อย่างเหมาะสม AI จะเป็นตัวช่วยเสริมโดยไม่มาแทนที่ความคิดสร้างสรรค์ของเรา
ผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจบริบทสามารถช่วยคุณได้หลายด้าน เช่น:
จัดการปฏิทินและแจ้งเตือนเวลาว่างหรือการนัดหมาย
สร้างวาระการประชุม ถอดความการประชุม และแนะนำแนวทางตามสถานการณ์
ทำให้การจัดการงานราบรื่นด้วยการระบุงานที่ต้องรีบดำเนินการ เตือนกำหนดส่งตามไทม์ไลน์ และอื่น ๆ
เข้าใจบริบทของบทสนทนาก่อนหน้า ปรับคำตอบให้เหมาะสม หรือเริ่มบทสนทนาใหม่ได้
ผู้ช่วยอัจฉริยะยังสามารถนำไปใช้ได้ทุกที่ ช่วยให้วันทำงานง่ายขึ้น ประหยัดเวลาเพื่อนำไปใช้กับงานสร้างสรรค์อื่น ๆ ลดภาระงาน และสร้างสมดุลชีวิต-การทำงานที่ดีขึ้น
กรณีตัวอย่าง: ผู้ช่วยอัจฉริยะในชีวิตจริง
แม็กซ์ วิศวกรซอฟต์แวร์ เริ่มวันด้วยการจดรายการงานทั้งหมด รายละเอียดกำหนดส่งกระจายอยู่ในปฏิทิน แอปจัดการงาน และข้อความต่าง ๆ การรวบรวมข้อมูลและตั้งเตือนกินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ขณะเขาเขียนโค้ด ข้อความแจ้งความช่วยเหลือด่วนเกี่ยวกับบั๊กเด้งขึ้นมา การสลับแอป การตรวจสอบปัญหา และตอบกลับอีกประมาณ 30 นาที
หากแม็กซ์มีผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจบริบท เขาสามารถกู้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงสำหรับงานที่มีประสิทธิผล ผู้ช่วยจะวิเคราะห์พฤติกรรมและปรับคำตอบให้เหมาะสม ส่งรายการงานตามกำหนดส่งและลำดับความสำคัญ ร่างคำตอบสำหรับข้อความที่เข้ามา และแจ้งเตือนเรื่องงานสำคัญทันที ทำให้แม็กซ์สามารถทำงานสำคัญได้โดยไม่เสียสมาธิ
อนาคตของการทำงานแบบปรับแต่งเฉพาะบุคคล
การใช้ผู้ช่วยอัจฉริยะในหลายภาคส่วนช่วยให้การทำงานง่าย รวดเร็ว และลดความผิดพลาด การสื่อสารกำลังค่อย ๆ ก้าวสู่การมีส่วนร่วมแบบปรับแต่งเฉพาะบุคคลสูงผ่าน AI ทำให้ทุกสิ่งที่เราทำมีความเป็นมนุษย์โดยไม่ต้องใช้ความคิดมาก AI ช่วยปรับคำตอบ งาน การรวมระบบ และเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่ได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจบริบทมีบทบาทสำคัญ ไม่เพียงแต่เข้าใจความต้องการของผู้ใช้ แต่ยังสามารถวิเคราะห์อารมณ์ของผู้ใช้ผ่านบทสนทนาและให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม
Zoho Cliq มุ่งมั่นที่จะนำเสนอที่ทำงานแบบปรับแต่งเฉพาะบุคคลสูงสำหรับธุรกิจที่เติบโต ด้วย AI และศักยภาพที่ไม่จำกัด ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ติดตามช่องทางโซเชียลมีเดียของ Zoho Cliq เพื่ออัปเดตข่าวสารล่าสุดและสิ่งใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
ที่มา zoho