Adobe สร้างความฮือฮาในวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ด้วยการประกาศเปิดตัว Adobe Premiere เวอร์ชัน iPhone และ iPad ส่วน Android จะตามมาในอนาคต ซึ่งแอปตัดต่อวิดีโอทมาพร้อมฟีเจอร์ระดับมืออาชีพแบบครบเครื่อง ใช้งานง่าย รองรับทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้สร้างคอนเทนต์สายโปร โดยจะ เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีทาง App Store ปลายเดือนกันยายน 2025 และสามารถ พรีออเดอร์ได้แล้ววันนี้
ไฮไลต์สำคัญของ Premiere บน iPhone และ iPad
-
ตัดต่อระดับสตูดิโอ
รองรับ multi-track timeline, การตัดต่อแม่นยำระดับเฟรม, การซ้อนวิดีโอ/เสียง/ข้อความไม่จำกัด รวมถึงการทำงานกับไฟล์ 4K HDR -
AI ช่วยสร้างสรรค์งานง่ายขึ้น
-
Generative Sound Effects สร้างเสียงประกอบจากข้อความและเสียงของผู้ใช้
-
Enhance Speech ช่วยปรับคุณภาพเสียงบรรยายให้ชัดเจน แม้มีเสียงรบกวน
-
Firefly Generative AI สร้างภาพ เสียง หรือสติกเกอร์ที่พร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์
-
-
คลังสื่อฟรีจาก Adobe
ใช้งาน Adobe Stock, Fonts, Presets จาก Lightroom, เพลง และเอฟเฟกต์เสียงได้ทันที -
แชร์สะดวกทุกแพลตฟอร์ม
ระบบปรับสัดส่วนวิดีโอให้อัตโนมัติ เหมาะกับ TikTok, YouTube Shorts, Instagram หรือจะส่งไฟล์ต่อไปแก้ไขใน Premiere บน Desktop ก็ได้ -
ประสบการณ์ที่ไร้สิ่งรบกวน
ไม่มีโลโก้ลายน้ำ ไม่มีโฆษณา ให้อิสระเต็มที่ในการทำงาน
สิ่งที่ทำให้ Adobe Premiere บน iPhone และ iPad น่าสนใจยิ่งขึ้น คือการเปิดให้ใช้งานฟรีโดย ไม่มีลายน้ำและไม่มีโฆษณา พร้อมอินเทอร์เฟซที่ใกล้เคียงกับเวอร์ชันคอมพิวเตอร์ ทำให้ผู้ใช้ได้ประสบการณ์การตัดต่อแบบมืออาชีพเต็มรูปแบบ โดย Adobe ยังเปิดให้ซื้อ เครดิตเสริมสำหรับ Adobe Firefly (AI) ผ่าน In-App Purchase เพื่อใช้ฟีเจอร์ขั้นสูงในการสร้างและแก้ไขวิดีโออย่างทรงพลังยิ่งขึ้น.
Adobe ยืนยันว่าจะ ยุติการสนับสนุน Premiere Rush ในวันที่ 30 กันยายน 2025 เพื่อรวมทุกประสบการณ์การตัดต่อวิดีโอไว้ใน Premiere บน iPhone และ iPad ถือเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญสำหรับการสร้างสรรค์คอนเทนต์บนมือถือ
สรุป
Adobe Premiere บน iPhone และ iPad ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานแอปตัดต่อวิดีโอบนมือถือ จากเครื่องมือเสริมกลายเป็นเครื่องมือหลักที่ “มือใหม่ก็ใช้ได้ มือโปรก็ไว้ใจ” เพราะรวมเอาความสามารถระดับสตูดิโอเข้ากับความง่ายในการใช้งาน เหมาะสำหรับยุคที่คอนเทนต์ต้องรวดเร็ว ทันสมัย และแชร์ได้ทันที
ที่มา adobe