Microsoft ได้ประกาศปัญหาที่เกิดขึ้นกับการอัปเดต Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 ซึ่งไม่สามารถดาวน์โหลดได้บนอุปกรณ์ที่ใช้ Windows 11 เวอร์ชัน 23H2 และ 22H2 โดยแสดงรหัสข้อผิดพลาด 0x80240069 ทำให้ผู้ใช้บางรายไม่สามารถอัปเดตได้ตามปกติ
ปัญหานี้เกิดขึ้นจากการที่ Microsoft บล็อกการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Windows 11 24H2 บนอุปกรณ์บางรุ่น เนื่องจากปัญหาความเข้ากันได้ ซึ่งทำให้เกิดความล่าช้าในการอัปเดตในหลายกรณี โดยล่าสุดพบปัญหาดังกล่าวในรหัสการป้องกัน (safeguard hold ID) 56318982 ที่ถูกประกาศเมื่อเดือนที่ผ่านมา
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากแค่ความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์เท่านั้น แต่ยังเกิดจากบั๊กในบริการ Windows Server Update Services (WSUS) ซึ่งเป็นบริการที่ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์สามารถอัปเดตอุปกรณ์ในองค์กรได้ การอัปเดตเวอร์ชัน 24H2 จึงไม่สามารถเริ่มต้นหรือดาวน์โหลดได้ โดยมีข้อความแสดงข้อผิดพลาด 0x80240069 พร้อมข้อความเพิ่มเติมที่อาจกล่าวว่า "บริการ wuauserv หยุดทำงานโดยไม่คาดคิด"
Microsoft ระบุว่า:
อุปกรณ์ที่ติดตั้งการอัปเดตความปลอดภัยรายเดือนของ Windows ประจำเดือนเมษายน ซึ่งออกเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2025 หรือหลังจากนั้น (เริ่มตั้งแต่ KB5055528) อาจไม่สามารถอัปเดตเป็น Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 ผ่านบริการ Windows Server Update Services (WSUS) ได้ โดย WSUS เป็นระบบที่ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ที่มีบทบาท WSUS สามารถเลื่อน อนุมัติแบบเลือกได้ และกำหนดเวลาการอัปเดตสำหรับอุปกรณ์หรือกลุ่มอุปกรณ์เฉพาะในองค์กร
ในปัญหานี้ การดาวน์โหลด Windows 11 24H2 จะไม่เริ่มต้นหรือไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยในบันทึกของ Windows Update อาจแสดงรหัสข้อผิดพลาด 0x80240069 และบันทึกเพิ่มเติมอาจมีข้อความในลักษณะว่า “Service wuauserv has unexpectedly stopped” (บริการ wuauserv หยุดทำงานโดยไม่คาดคิด)
ในขณะเดียวกัน พบว่าปัญหานี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะ Windows Server Update Services (WSUS) แต่ยังส่งผลกระทบต่อ SCCM (System Center Configuration Manager) ด้วย
Microsoft ได้เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับรหัสข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับ Windows Update แต่ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับรหัสข้อผิดพลาด 0x80240069 ในขณะนี้
ผู้ใช้ที่ประสบปัญหานี้สามารถติดตามสถานะการแก้ไขและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Windows Health Dashboard ของ Microsoft เพื่อรับข้อมูลที่อัปเดตอย่างต่อเนื่อง
สรุป
ปัญหาการอัปเดต Windows 11 24H2 อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานของผู้ใช้บางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ Windows 11 เวอร์ชัน 23H2 และ 22H2 ขณะนี้Microsoftกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้และจะมีข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคต
ที่มา neowin
