ตลาดผู้ช่วยอัจฉริยะด้วยพลัง AI กำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หลังจาก ChatGPT และ Google Gemini ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาด ล่าสุด Microsoft ประกาศเปิดตัว Copilot Fall Update อย่างเป็นทางการในงาน Copilot Sessions ออนไลน์ ซึ่งถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดของ Copilot ตั้งแต่เปิดตัว
การอัปเดตครั้งนี้ Microsoft มุ่งเน้นให้ Copilot กลายเป็นผู้ช่วย AI ที่ เข้าใจและโต้ตอบได้เหมือนมนุษย์ มากขึ้น พร้อมฟีเจอร์ใหม่หลากหลายที่เพิ่มทั้งความสามารถ ความฉลาด และประสบการณ์ใช้งานในชีวิตจริง
Copilot Appearance: พูดคุยกับ AI ที่มีอารมณ์และบุคลิก
Copilot ได้รับการปรับโฉมใหม่ภายใต้ชื่อ “Copilot Appearance” ซึ่งมอบประสบการณ์การสนทนาแบบเห็น “การแสดงออกและอารมณ์” แบบเรียลไทม์ โดยใช้คาแรกเตอร์ใหม่ชื่อ “Mico” ที่เคยเปิดให้ทดลองแบบจำกัดมาก่อนหน้านี้
ผู้ใช้จะสามารถพูดคุยกับ Copilot ในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น พร้อมระบบจดจำบริบทการสนทนา (Conversational Memory) ที่ช่วยให้ Copilot เข้าใจและจดจำเนื้อหาที่เคยพูดคุยไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันฟีเจอร์นี้เริ่มทยอยเปิดให้ใช้งานในสหรัฐฯ ทั้งบนแอป iOS และ Android
Copilot Groups: ผู้ช่วย AI สำหรับการทำงานร่วมกัน
Microsoft เพิ่มความสามารถใหม่ให้ Copilot รองรับการใช้งานแบบกลุ่มในชื่อ “Copilot Groups” โดยผู้ใช้สามารถเชิญเพื่อนหรือทีมงานเข้าร่วมสนทนาได้สูงสุดถึง 32 คนในห้องเดียวกัน เหมาะสำหรับการวางแผนโปรเจกต์ การจัดทริป หรือการระดมความคิดร่วมกันกับทีมแบบเรียลไทม์
Copilot Memory: ระบบความจำถาวร
หนึ่งในฟีเจอร์ที่ผู้ใช้รอคอยมากที่สุดคือ “Copilot Memory” ซึ่งทำให้ Copilot สามารถจดจำข้อมูลสำคัญในระยะยาวได้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อบุคคล วันสำคัญ หรืองานที่ค้างอยู่ ผู้ใช้ยังสามารถแก้ไข อัปเดต หรือลบข้อมูลความจำเหล่านี้ได้ตลอดเวลา
Proactive Actions: แนะนำเชิงรุกจาก Deep Research
ฟีเจอร์ Proactive Actions จะช่วยให้ Copilot สามารถวิเคราะห์สิ่งที่ผู้ใช้กำลังทำอยู่ และเสนอแนวทางหรือข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น หากกำลังค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่ง Copilot อาจแนะนำข้อมูลหรือขั้นตอนต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Journeys: จดจำเส้นทางการค้นคว้า
ฟีเจอร์ “Journeys” ทำให้ Copilot สามารถจดจำประวัติการค้นคว้าของผู้ใช้ และช่วยให้กลับมาทำงานต่อจากจุดเดิมได้โดยไม่ต้องเริ่มใหม่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักเรียน นักวิจัย หรือผู้ที่ต้องค้นหาข้อมูลเป็นประจำ
Learn Live: ติวเตอร์ AI ส่วนตัว
“Learn Live” เปลี่ยน Copilot ให้กลายเป็นผู้ช่วยสอนที่มีปฏิสัมพันธ์จริง ผู้ใช้สามารถเรียนรู้เนื้อหาผ่านการพูดคุยแบบโต้ตอบ ใช้กระดานไวท์บอร์ด และตอบคำถามแบบสด ๆ เพื่อให้การเรียนรู้มีความเข้าใจและน่าสนใจมากขึ้น
Imagine: สร้างสรรค์ภาพด้วย AI
Microsoft เพิ่มพื้นที่ใหม่ภายใต้ชื่อ “Imagine” สำหรับให้ผู้ใช้ทดลองสร้างและปรับแต่งภาพด้วยเทคโนโลยี AI ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานของครีเอเตอร์และนักออกแบบที่ต้องการสำรวจความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ของภาพสร้างจากปัญญาประดิษฐ์
Real Talk Mode: โต้แย้งอย่างสร้างสรรค์
Copilot ได้เพิ่ม “Real Talk Mode” โหมดสนทนาที่ออกแบบมาให้ AI สามารถตั้งคำถาม โต้แย้ง และให้มุมมองที่แตกต่าง แทนที่จะตอบรับทุกอย่างเพียงอย่างเดียว Microsoft ระบุว่า ฟีเจอร์นี้มีเป้าหมายเพื่อ “กระตุ้นการคิดและการเชื่อมโยงในบทสนทนา” มากกว่าการเป็นผู้ช่วยที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น
Copilot Actions in Edge: สั่งงานอัตโนมัติระหว่างท่องเว็บ
ฟีเจอร์ “Copilot Actions in Edge” ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคม ได้ขยายการให้บริการไปยังผู้ใช้กลุ่มใหญ่ขึ้น โดย Copilot สามารถดำเนินการต่าง ๆ บนเว็บไซต์แทนผู้ใช้ได้ เช่น จองร้านอาหาร ซื้อตั๋วคอนเสิร์ต หรือวางแผนการเดินทางร่วมกับพันธมิตรอย่าง Booking.com, Expedia, Tripadvisor และอีกหลายแพลตฟอร์ม
ผู้ใช้สามารถเลือกโหมดการทำงานของ Copilot ได้ 3 ระดับ ได้แก่
- Light: อนุญาตให้ Copilot ทำงานได้โดยไม่ต้องขออนุญาตล่วงหน้า
- Balanced: ขออนุญาตก่อนทำงานในเว็บไซต์ที่ไม่คุ้นเคย
- Strict: ขออนุญาตทุกครั้งก่อนดำเนินการ
Copilot for Health: ผู้ช่วยสุขภาพที่เชื่อถือได้
Microsoft ยังเพิ่มฟีเจอร์ “Copilot for Health” เพื่อให้ Copilot สามารถตอบคำถามด้านสุขภาพได้จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น Harvard Health รวมถึงช่วยค้นหาแพทย์หรือคลินิกใกล้บ้านตามสาขาและความต้องการของผู้ใช้ โดยแสดงผลบนแผนที่แบบอินเทอร์แอคทีฟเพื่อการใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้น
พร้อมให้ใช้งานแล้วในสหรัฐฯ
อัปเดต “Copilot Fall Update” เปิดให้ใช้งานแล้วในสหรัฐอเมริกา และจะทยอยขยายสู่สหราชอาณาจักร แคนาดา และประเทศอื่น ๆ ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
บทสรุป
การอัปเดตครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Microsoft มุ่งพัฒนา Copilot จากผู้ช่วยที่ตอบคำถามทั่วไป ให้กลายเป็น “เพื่อนร่วมคิดที่มีปฏิสัมพันธ์และจดจำได้จริง” ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในสงคราม AI ที่กำลังเข้มข้นระหว่าง Microsoft, OpenAI และ Google ซึ่งจะเป็นการแข่งขันที่น่าจับตามองในปีต่อไปอย่างแน่นอน
ที่มา neowin
