Microsoft ประกาศวางจำหน่าย Office 2024 อย่างเป็นทางการหลังจากเปิดตัวในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยในเวอร์ชันนี้จะมาในรูปแบบ “ซื้อขาด” หรือจ่ายเพียงครั้งเดียวจบ แตกต่างจาก Office 365 หรือ Microsoft 365 ที่ต้องชำระเป็นรายเดือน ซึ่งการซื้อขาดนี้มักจะเป็นทางเลือกสำหรับองค์กรหรือผู้ใช้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ต้องการฟีเจอร์ออนไลน์หรือ AI เช่น Copilot ซึ่งเป็นจุดเด่นของบริการแบบ Subscription
โดย Office 2024 มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Microsoft Office LTSC 2024 (Long Term Servicing Channel) ซึ่งจะรวมแอปพลิเคชันสำคัญ เช่น Word, Excel, PowerPoint, Outlook, OneDrive, OneNote และ Access โดยไม่มี Publisher ที่เลิกพัฒนาไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ Office LTSC 2024 ยังมาพร้อมกับการปรับปรุงความปลอดภัย หน้าตาที่ทันสมัย และฟีเจอร์บางอย่างที่พบใน Microsoft 365 แต่จะไม่มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ในอนาคต
เวอร์ชันนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการจ่ายเงินครั้งเดียวและใช้ยาวหลายปี โดยเฉพาะองค์กรที่ไม่ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หรือไม่มีความจำเป็นในการใช้งานฟีเจอร์ที่ต้องอัปเดตบ่อย ๆ ทั้งนี้ Microsoft ให้การันตีว่าจะมีการสนับสนุนการอัปเดตความปลอดภัยเป็นระยะเวลา 5 ปี
Microsoft ยังได้เตือนว่า Office 2016 และ Office 2019 จะหมดระยะการซัพพอร์ตในเดือนตุลาคม 2025 และแนะนำให้ผู้ใช้พิจารณาอัปเกรดเป็น Microsoft 365 หรือ Office LTSC 2024 สำหรับองค์กรที่ยังต้องการใช้งานโปรแกรมชุดนี้ต่อไปในระยะยาว
ราคาอ้างอิงจากเวอร์ชันก่อนหน้า
ถึงแม้ Microsoft จะยังไม่เปิดเผยราคาของ Office LTSC 2024 อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าราคาจะใกล้เคียงกับ Office 2021 โดยมีราคาอ้างอิงจาก Microsoft Store ประเทศไทยดังนี้:
- Home & Student: 4,299 บาท
- Home & Business: 10,999 บาท
- Standard Edition: 15,000 บาท
- Professional Plus: 19,999 บาท
สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกในการชำระเพียงครั้งเดียวและใช้งานต่อเนื่องยาวนาน Office LTSC 2024 อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
สรุป
Microsoft วางจำหน่าย Office 2024 (LTSC 2024) รุ่นซื้อขาด จ่ายครั้งเดียวใช้งานยาว พร้อมแอปหลัก เช่น Word, Excel, PowerPoint แต่ไม่มีฟีเจอร์ออนไลน์และ AI แบบ Microsoft 365 การันตีอัปเดตความปลอดภัย 5 ปี เหมาะสำหรับองค์กรที่ไม่ต้องการใช้งานออนไลน์ Microsoft เตือนผู้ใช้ Office 2016 และ 2019 อัปเกรดก่อนหมดซัพพอร์ตในปี 2025
ที่มา droidsans
