Google ประกาศอัปเดตใหม่สำหรับ Gemini ใน Google Sheets ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการงานหลายขั้นตอนได้ในครั้งเดียว พร้อมขยายความสามารถด้านการแก้ไขข้อมูล ทำให้การทำงานซับซ้อนใน Sheets เป็นเรื่องง่ายขึ้นและประหยัดเวลามากขึ้น
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Google ได้เปิดตัวตัวเลือกการแก้ไขใหม่ใน Gemini เช่น การสร้าง Pivot Table, การใช้ตัวกรอง, และการเพิ่ม Conditional Formatting เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น ล่าสุด Gemini สามารถทำงานหลายคำสั่งพร้อมกันได้จาก คำสั่งเดียว โดยไม่จำเป็นต้องย่อคำสั่งหรือพิมพ์หลายคำสั่งแยกกัน อีกทั้งยังรองรับคลังคำสั่งที่ขยายมากขึ้น ทำให้การจัดรูปแบบและจัดการข้อมูลทำได้ง่ายและเป็นระบบ
ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น
1. จัดการงานหลายขั้นตอนพร้อมกัน
Gemini สามารถเข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนและทำหลายขั้นตอนในคราวเดียวได้ เช่น
-
จัดรูปแบบหลายรายการพร้อมกัน:
ผู้ใช้สามารถขอให้ Gemini จัดรูปแบบ Project Tracker แบบเรียบง่ายใหม่ทั้งหมดในครั้งเดียว เช่น เพิ่ม dropdown สำหรับ “Status” และ “Priority,” แทรกคอลัมน์สูตรเพื่อคำนวณ “Days Until Due Date,” เพิ่มคอลัมน์ checkbox “Completed” และล็อกแถวหัวข้อสำหรับการดูง่าย Gemini จะทำงานทั้งหมดตามคำสั่งนี้ทันที
-
การรวมการวิเคราะห์และการแก้ไขโครงสร้าง:
สามารถให้ Gemini ทำความสะอาดรายงานการขายโดยลบแถวของตัวแทนที่ไม่ทำงาน, ไฮไลต์ผู้ทำผลงานสูงสุดที่เกิน 120% ของโควต้าเป็นสีเขียว และเพิ่มคอลัมน์ “Notes” สำหรับติดตามงานต่อ
-
การอัปเดตโครงสร้างที่ซับซ้อน:
ตัวอย่างเช่น ลบแถว “Archived” ทั้งหมด, แทรกคอลัมน์ “Team” พร้อม dropdown ของชื่อทีม และเพิ่มคอลัมน์ “Updated Due Date” เพื่อเตรียม Sheet สำหรับรอบการวางแผนถัดไป
2. รองรับคำสั่งและการแก้ไขที่หลากหลายมากขึ้น
Gemini ขยายคลังคำสั่งครอบคลุมหลายด้าน ทำให้การแก้ไขทำได้ง่ายและรวดเร็ว เช่น
-
การจัดรูปแบบ: เพิ่มการจัดรูปแบบตามเงื่อนไข, ตั้งค่ารูปแบบตัวเลข, จัดรูปแบบเป็นตาราง หรือล็อกมิติของ Sheet
-
การป้อนและจัดการข้อมูล: เพิ่ม checkbox, เพิ่ม dropdown, เติมสูตรในช่วงของเซลล์, หรือค้นหาและแทนที่
-
โครงสร้างและการจัดระเบียบ: แทรกหรือลบแถวหรือคอลัมน์, จัดเรียงข้อมูล, หรือเพิ่ม Pivot Table
-
การกรอง: สร้างหรือเคลียร์ตัวกรอง
ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถใช้คำสั่งภาษาธรรมชาติเพื่อทำความสะอาดข้อมูล เช่น “แทนที่ ‘Software’ และ ‘Web Hosting’ ด้วย ‘IT Services’ ทุกที่ใน Sheet”
การอัปเดตเหล่านี้ทำให้ Gemini เป็นคู่หูที่ทรงพลังและเข้าใจง่ายใน Google Sheets ผู้ใช้สามารถมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์ข้อมูลและการตัดสินใจที่สำคัญ โดยไม่ต้องเสียเวลาทำงานซ้ำซ้อนหรือจัดการข้อมูลแบบทีละขั้นตอน
วิธีเริ่มใช้งาน
-
ผู้ดูแลระบบ: เปิดใช้งานฟีเจอร์อัจฉริยะและการปรับแต่งส่วนบุคคลสำหรับผู้ใช้ใน Admin Console
-
ผู้ใช้ทั่วไป: เข้าถึง Gemini ใน Sheets ผ่านแผงด้านข้าง โดยคลิกที่ปุ่ม “Ask Gemini” (ปุ่ม spark) ที่มุมขวาบนของ Sheets
ความพร้อมใช้งาน
-
Google Workspace:
-
Business Standard และ Plus
-
Enterprise Standard และ Plus
-
Google AI Pro for Education
-
-
สำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรอื่น ๆ:
-
Google AI Pro และ Ultra
-
-
ผู้ที่เคยซื้อ Gemini Business และ Gemini Enterprise จะได้รับฟีเจอร์นี้โดยอัตโนมัติ
*ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2025 เป็นต้นไป Google จะไม่จำหน่าย add-ons Gemini Business และ Gemini Enterprise แบบเดิมอีก
การอัปเดตนี้ทำให้ Gemini กลายเป็นเครื่องมือที่ครบวงจรสำหรับผู้ใช้ Google Sheets ไม่ว่าจะเป็นงานวิเคราะห์ข้อมูล การจัดโครงสร้าง หรือการทำความสะอาดข้อมูลแบบซับซ้อน ทั้งหมดสามารถทำได้ในเวลาที่รวดเร็วและง่ายมากขึ้น
สรุป
Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Gemini บน Google Sheets ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำหลายคำสั่งพร้อมกันจากคำสั่งเดียว ไม่ต้องพิมพ์หลายคำสั่งแยกกัน และรองรับงานแก้ไขและจัดรูปแบบที่ซับซ้อน เช่น การจัด Pivot Table, การใช้ตัวกรอง, การเพิ่มสูตร, การสร้าง dropdown และจัดรูปแบบตามเงื่อนไข
ผู้ใช้สามารถใช้ภาษาธรรมชาติเพื่อขอให้ Gemini ทำงานหลายขั้นตอน เช่น ทำความสะอาดข้อมูล, ลบแถวที่ไม่จำเป็น, ไฮไลต์ข้อมูลสำคัญ และเพิ่มคอลัมน์ใหม่ พร้อมกันได้ในคราวเดียว ทำให้ประหยัดเวลาและทำงานได้ง่ายขึ้น
ที่มา workspaceupdates